โอกาสและความท้าทาย

น้ำเป็นทรัพยากรสำคัญในการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนและพลังงานน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนและคุณภาพน้ำที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการดำเนินงาน นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ยังต้องเผชิญกับข้อกำหนดทางกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้น้ำและการปล่อยน้ำเสีย ทำให้บริษัทต้องบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาความสัมพันธ์กับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสีย

เอ็กโก กรุ๊ป ได้ดำเนินการจัดการทรัพยากรน้ำแบบองค์รวม ซึ่งครอบคลุมทั้งการใช้น้ำและการจัดการน้ำเสีย โดยให้ความสำคัญกับการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ และลดการใช้น้ำในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายด้านการขาดแคลนและคุณภาพน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังทำงานร่วมกับชุมชนรอบโรงไฟฟ้าเพื่อสร้างความเข้าใจและลดความกังวลที่อาจเกิดจากการใช้น้ำ โรงไฟฟ้าทุกแห่งยังมีการประเมินการใช้น้ำและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมน้ำสำรอง เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น การดำเนินการเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น ทำให้ เอ็กโก กรุ๊ป สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง

ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน: การบริหารจัดการน้ำและน้ำเสีย
ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

ชุมชน

แนวทางการบริหารจัดการ

เป้าหมายการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

เป้าหมายระยะยาว

ปริมาณการบริโภคน้ำจืดเป็นศูนย์

เป้าหมายปี 2567

ลดการใช้น้ำจืดลง ร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี 2563

ผลการดำเนินงานปี 2567

ลดการใช้น้ำจืดลง ร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปี 2563

การบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม

[GRI 303-1 (2018), 303-2 (2018)]

เอ็กโก กรุ๊ป บริหารจัดการน้ำภายในองค์กรตามนโยบายสิ่งแวดล้อม โดยยึดถือแนวทาง 3Rs คือ ลดการใช้น้ำดิบ (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และนำน้ำไปผ่านกระบวนการเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ เอ็กโก กรุ๊ป ในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เอ็กโก กรุ๊ป ได้ดำเนินการประเมินการใช้น้ำเพื่อตรวจสอบโอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำ (water use assessment to identify opportunities for water efficiency improvements) ซึ่งสามารถช่วยกำหนดการดำเนินงานเพื่อลดการบริโภคน้ำ (actions to reduce water consumption) ในกิจกรรมหรือหน่วยงานที่มีศักยภาพในการดำเนินการ เช่น การเพิ่มจำนวนรอบการใช้ซ้ำของน้ำหล่อเย็นที่โรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำและสารเคมีได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ช่วยลดต้นทุนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานในกระบวนการหล่อเย็นได้

ความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดการบริโภคน้ำดิบนั้นมีการดำเนินการควบคู่กับกลยุทธ์การบริหารจัดการน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีโครงการริเริ่ม เช่น การนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ซ้ำ (reuse of treated wastewater) ในหลาย ๆ โรงไฟฟ้า เช่น โรงไฟฟ้าคลองหลวงยูทิลิตี้ โรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน โดยน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดจนเสร็จสิ้นจะถูกนำไปใช้สำหรับการรดน้ำต้นไม้ และใช้ทำความสะอาดสถานที่ ส่งผลให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริโภคน้ำโดยรวมได้ นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ปให้ความสำคัญกับการดำเนินการเพื่อเพิ่มคุณภาพน้ำเสีย (actions to improve wastewater quality) ผ่านกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบครบวงจร ทั้งนี้ มีการตรวจติดตามคุณภาพน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำทิ้งมีคุณภาพตามมาตรฐานของพื้นที่นั้น ๆ ก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติ

การนำน้ำไปผ่านกระบวนการเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (water recycling) เป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับแนวทางการดำเนินงานของ เอ็กโก กรุ๊ป โดยมีโครงการต่าง ๆ เช่น การนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดกลับมาใช้ซ้ำที่โรงไฟฟ้าขนอมและโรงไฟฟ้าเคซอนสำหรับการบำรุงรักษาและการดำเนินงานต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อแหล่งน้ำในท้องถิ่นและลดต้นทุนในการดำเนินงาน

เพื่อเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความยั่งยืน เอ็กโก กรุ๊ป ได้มีการจัดการฝึกอบรมเกี่ยวกับการสร้างการตระหนักรู้ถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (awareness training on water efficiency management programs) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกอบรมการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในแนวทางวิศวกรรมสำหรับการทำงานที่เหมาะสมที่สุดของเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์น้ำและพลังงาน โดยการจัดฝึกอบรมนี้ได้จัดให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานมีความรู้และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์น้ำ

เอ็กโก กรุ๊ป ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำอย่างสม่ำเสมอ และดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านน้ำเพื่อเป็นแนวทางลดผลกระทบและบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งสร้างความมั่นใจว่าโรงไฟฟ้าจะสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ดังนี้

แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านน้ำ

  • การประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ

    เอ็กโก กรุ๊ป ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำซึ่งครอบคลุมประเด็นน้ำแล้ง น้ำขาด คุณภาพน้ำ ความเสี่ยงด้านกฎหมายหรือราคาซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าน้ำที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ผลการประเมินพบว่าโรงไฟฟ้าในทุกประเทศที่ เอ็กโก กรุ๊ป ประกอบกิจการไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ

  • การประเมินผลกระทบและการพึ่งพา

    WWF Water Risk Filter ถูกนำมาใช้เพื่อระบุว่าการดำเนินงานของ เอ็กโก กรุ๊ป มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำอย่างไรบ้าง รวมถึงประเมินการพึ่งพาแหล่งน้ำท้องถิ่น ทั้งนี้ การบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ต้องหาความสมดุลระหว่างความต้องการในการดำเนินงานกับแนวทางการดำเนินงานการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานของบริษัท

    ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการพึ่งพาน้ำ

    1. การขาดแคลนน้ำ (Water Scarcity): การดำเนินงานของ เอ็กโก กรุ๊ป เผชิญกับความเสี่ยงระดับที่ 1 (ตามการจัดลำดับจากต่ำไปสูง) ซึ่งกล่าวได้ว่ามีความน่ากังวลอยู่ในระดับต่ำเกี่ยวกับความเพียงพอของน้ำ
    2. เครื่องมือการจัดการ (Management Instruments): คะแนนการบริหารจัดการได้ 2.15 คะแนน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในระดับปานกลาง
    3. โครงสร้างพื้นฐานและการเงิน (Infrastructure and Finance): คะแนนด้านนี้ได้ 1.2 คะแนน กล่าวได้ว่ามีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและความสามารถทางการเงินในระดับต่ำ
    4. ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงเกี่ยวกับลุ่มน้ำ (Basin Reputational Risk): จากคะแนน 3.68 คะแนน บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงด้านชื่อเสียงเกี่ยวกับปัญหาลุ่มน้ำ
    5. ความสำคัญของวัฒนธรรม (Cultural Importance): ได้ 3 คะแนน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าวัฒนธรรมในการบริหารจัดการน้ำมีความเสี่ยงระดับปานกลาง
    6. ความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Importance): ได้ 4.5 คะแนน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพที่ได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำ

    ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากน้ำ

    1. ผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ (Water Scarcity Impact): ได้ 4 คะแนน แสดงให้เห็นว่าจะได้รับผลกระทบอย่างสูงจากการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ เนื่องจากกิจกรรมในการดำเนินงาน
    2. ความขัดแย้ง (Conflict): ความเสี่ยงด้านความขัดแย้งอยู่ในระดับต่ำจากการได้คะแนน 1 คะแนน กล่าวได้ว่ามีความขัดแย้งเล็กน้อยเท่านั้นเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำในพื้นที่ที่มีการดำเนินงาน

    ในปี 2567 เอ็กโก กรุ๊ป ได้จัดทำการประเมินเชิงคุณภาพ (qualitative assessment) เกี่ยวกับผลกระทบและการพึ่งพาความหลากหลายทางชีวภาพของธุรกิจ (biodiversity impacts and dependencies) ซึ่งรวมถึงการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการพึ่งพาและผลกระทบจากน้ำ (water-related dependency and impact) โดยได้นำ ENCORE (Exploring Natural Capital Opportunities, Risks and Exposure) มาใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินครั้งนี้

    เนื่องจาก เอ็กโก กรุ๊ป ประกอบธุรกิจโดยตรง (direct operation) เป็นผู้ผลิตไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้า ส่งผลให้เกิดผลกระทบที่สำคัญ (priority impacts) ต่อระบบนิเวศน้ำจืด (freshwater ecosystem use) และการใช้น้ำ (water use) โดยระบบ cooling tower จำเป็นต้องใช้น้ำปริมาณสูง ซึ่งการดึงน้ำ (water withdrawal) จากแหล่งน้ำสาธารณะอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในแหล่งน้ำได้

    ผลการประเมินการพึ่งพาตลอดห่วงโซ่คุณค่า (dependency across value chain) พบว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีการพึ่งพากับน้ำผิวดิน (surface water) การบำรุงรักษาการไหลของน้ำ (water flow maintenance) การควบคุมสภาพอากาศ (climate regulation) และการป้องกันน้ำท่วมและพายุ (flood and storm protection) นอกจากนี้ น้ำผิวดินยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนอีกด้วย

  • การเปลี่ยนแปลงในอนาคตของปริมาณและคุณภาพน้ำ

    เอ็กโก กรุ๊ป ดำเนินงานในการประเมินคุณภาพน้ำและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงความพร้อมในการใช้น้ำในอนาคตในระดับท้องถิ่น รวมถึงประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความต้องการน้ำและความเพียงพอของน้ำจนถึงปี 2583 การนำการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านน้ำและความกังวลเกี่ยวกับภัยแล้งเข้าไปรวมในกระบวนการบริหารความเสี่ยงขององค์กรช่วยให้มีการประเมินผลกระทบต่อกำไรและสถานการณ์ความเสี่ยง แม้ว่าโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของ เอ็กโก กรุ๊ป ได้รับการป้องกันจากภัยแล้ง อย่างไรก็ตามมีโรงไฟฟ้าจำนวน 2 แห่งที่อาจเผชิญกับผลกระทบในระดับปานกลางถึงต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้แตกต่างกัน กลยุทธ์การลดผลกระทบ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการบริการจัดการน้ำและพลังงาน การปรับปรุงภาระผูกพันทางการเงิน และการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อการดำเนินงาน

  • การประเมินความเสี่ยงด้านปริมาณและคุณภาพน้ำ

    เอ็กโก กรุ๊ป พิจารณาประเด็นด้านทรัพยากรน้ำก่อนเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้า เก็บข้อมูลพื้นฐาน และติดตามสถานะปริมาณน้ำในพื้นที่เป็นประจำในช่วงเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังประเมินความเสี่ยงด้านน้ำทางกายภาพในพื้นที่รวมถึงปริมาณน้ำ (อาทิ การขาดแคลนน้ำ ความแปรปรวนตามฤดูกาล และความเสี่ยงภัยแล้ง) และคุณภาพน้ำ (อาทิ น้ำเสีย) โดยใช้เครื่องมือ AQUEDUCT Water Risk Atlas เป็นประจำ ซึ่งผลการประเมินคาดการณ์ว่าโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของ เอ็กโก กรุ๊ป จะไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากมีอ่างเก็บน้ำที่เพียงพอ มีมาตรการรองรับ และไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยแล้ง

    เอ็กโก กรุ๊ป ประเมินผลกระทบจากการคาดการณ์ปริมาณทรัพยากรน้ำที่ลดลง ร้อยละ 10 ร้อยละ 30 และร้อยละ 50 โดยคำนึงถึงการขาดแคลนน้ำในภาวะแล้งจากการเปลี่ยนเปลงสภาพภูมิอากาศ และกำหนดสมมติฐานของการคาดการณ์ตามดังนี้

    1. ลดการไหลของน้ำลง ร้อยละ 35 ในเดือนมกราคมถึงมิถุนายนจากงบประมาณ
    2. คาดการณ์การไหลของน้ำในไตรมาสที่ 2 ตามงบประมาณ
    3. ผลกระทบจากการผลิตไฟฟ้าและกำไรสุทธิที่ลดลง

    เอ็กโก กรุ๊ป ประเมินความเสี่ยงด้านปริมาณและคุณภาพน้ำตามโอกาสเกิดและระดับความรุนแรงของผลกระทบ ผลการประเมินระบุว่าโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของ เอ็กโก กรุ๊ป ไม่มีหรือมีความเสี่ยงด้านน้ำต่ำถึงต่ำมาก เนื่องจากมีปริมาณทรัพยากรน้ำใช้ที่เพียงพอและได้จัดทำมาตรการรับมือต่อเหตุการณ์ขาดแคลนน้ำแล้ว

    นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป มีการประเมินผลกระทบและสถานการณ์แก้ไขจากแผนการดำเนินงานต่าง ๆ และได้คำนวณมูลค่าของผลกระทบจากสถานการณ์แก้ไขที่กำหนด

  • การประเมินความเสี่ยงด้านกฎหมายซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุนค่าน้ำที่เพิ่มขึ้น

    เอ็กโก กรุ๊ป ติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายและต้นทุนค่าน้ำในพื้นที่ประกอบกิจการอย่างสม่ำเสมอ โดยประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคตต่อต้นทุนค่าน้ำ การบำบัดน้ำเสีย และใบอนุญาตต่าง ๆ ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ 2561 โดยใช้เครื่องมือ AQUEDUCT Water Risk Atlas

  • การจัดการผลกระทบจากความเสี่ยงด้านน้ำต่อผู้มีส่วนได้เสีย

    ไม่เพียงแต่การบริหารจัดการน้ำภายในองค์กรเท่านั้น เอ็กโก กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำภายนอกองค์กร เอ็กโก กรุ๊ป ประเมินความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้เสียในอนาคต โดยการดำเนินการแผนกลยุทธ์เพื่อตรวจสอบทรัพยากรน้ำและพื้นที่ที่มีแนวโน้มขาดแคลนน้ำ (Water Stress Area) ก่อนที่จะมีการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งดังกล่าวกับผู้มีส่วนได้เสีย โดยดำเนินงานร่วมกับชุมชนข้างเคียงเพื่อสำรวจความพึงพอใจ รับฟังปัญหา ทำความเข้าใจและร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำในชุมชน นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ยังตรวจสอบคุณภาพน้ำเสียอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพน้ำเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งและไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่ปลายน้ำ

    เอ็กโก กรุ๊ป จัดประชุมร่วมกับชุมชนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยมีตัวแทนจากโรงไฟฟ้า หน่วยงานภาครัฐและชุมชนในพื้นที่เข้าร่วมประชุมเพื่อรายงานผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของโรงไฟฟ้า ตลอดจนรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

    เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถลดปัญหาความขัดแย้งกับชุมชนจากการแย่งน้ำใช้กับภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมในบริเวณที่โรงไฟฟ้า เอ็กโก กรุ๊ป ได้วิเคราะห์สถานการณ์สมมติ (Scenario Analysis) เพื่อคาดการณ์ผลกระทบต่อแหล่งน้ำในอนาคต ควบคู่ไปกับการจัดทำแผนการจัดการความเสี่ยงด้านน้ำ และมาตรการป้องกันและรับมือเหตุฉุกเฉินเพื่อให้มีความพร้อมในการจัดการความเสี่ยงด้านน้ำในทุกมิติ เช่น ด้านการจ่ายน้ำ การใช้น้ำ และคุณภาพน้ำทิ้ง อีกทั้งมีส่วนร่วมในกิจกรรมบริหารจัดการลุ่มน้ำแบบองค์รวม (Integrated Watershed Management Initiatives) ในบริเวณที่โรงไฟฟ้าตั้งอยู่ด้วย เช่น การสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำอย่างยั่งยืนผ่านมูลนิธิไทยรักษ์ป่า เป็นต้น

โครงการที่เกี่ยวข้อง

โครงการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
ดูโครงการ

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

นโยบาย ข้อกำหนด และผลการดำเนินงาน

ข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน

ปรับปรุง ณ เดือนเมษายน ปี 2568

เนื้อหาข้างต้นจัดทำตามมาตรฐาน The Global Reporting Initiative (GRI Standards) ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องโดยหน่วยงานภายนอกและให้ความเชื่อมั่นข้อมูลการรายงานในระดับจำกัด (Limited Assurance) ภายใต้รายงานประจำปี 2567